HOME.TITLE
สินค้า
ก๊อกเท้าเหยียบ
บทความ
บทความ
- สิ่งที่แนบมา0
- ดู
- 602
เนื้อหา
น้ำที่ผ่านการกรองโดยวิธีธรรมชาติ เป็นน้ำที่บริสุทธิ์มากกว่าโดยวิธีอื่นใด แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีแร่ธาตุต่าง ๆ
ละลายอยู่บ้าง ตามสิ่งที่น้ำนั้นได้ไหลผ่าน เช่น น้ำในลำธาร น้ำนิ่งในทะเลสาบ และที่ผ่านชั้นดินชั้นหินในดิน
แต่แร่ธาตุที่ละลายในน้ำบางชนิดก็เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ โดยทั่วไปแล้วผู้คนจะชอบดื่มน้ำแร่(mineral water)
เนื่องจากมีรสชาติที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตามถ้าแร่ธาตุในน้ำมีมากเกินไปจะคล้าย ๆ กับมีสารเคมีปนเปื้อนอยู่
ซึ่งไม่ปลอดภัยต่อการนำมาใช้อุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน
เหล็กในน้ำ
เหล็กเป็นโลหะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในหินที่เกิดจากลาวา(igneous rock) และในหินทราย งานวิจัยทุกวันนี้ไม่ได้กล่าวถึง
ระดับของเหล็กในน้ำที่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย แต่หากมีเหล็กในน้ำดื่มเกิน 0.3 ppm จะทำให้เกิดสีและรสที่ไม่พึงประสงค์
นอกจากนั้นยังทำให้เกิดคราบเกาะตามเสื้อผ้าและอ่างล้างอีกด้วย ในท่อส่งน้ำมักจะมีเหล็กละลายอยู่ในน้ำ เมื่อสัมผัสกับ
ออกซิเจนจะกลายเป็นสารประกอบชนิดใหม่ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า(visible) หรือที่เราพบเป็นประจำในรูปสนิมเหล็ก
ทองแดงในน้ำ
ในน้ำประปาทั่วไปเรามักไม่พบทองแดง แต่ถ้าพบทองแดงในน้ำดื่ม เมื่อบริโภคเข้าไปอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายเกี่ยวกับ
ทางเดินอาหารได้ นอกจากนั้นยังทำให้เกิดฟิล์มสีเขียวเกาะบนผิวของอ่างล้างและอ่างอาบน้ำด้วย ทาง EPA ได้กำหนดมาตรฐาน
ของทองแดงไว้ว่า หากมีปริมาณทองแดงในน้ำ 1 ppm หรือมากกว่าจะต้องหาแนวทางในการจัดการอย่างถูกต้องทันที
ซัลเฟตในน้ำ
ซัลเฟต(หรือสารประกอบซัลเฟต) มักพบในน้ำผิวดินทั่วไปและในบ่อ ซัลเฟอร์ที่เกิดขึ้นในบ่อมีสาเหตุจากการย่อยสลายพืชน้ำ, ดิน
และหิน แบคทีเรียชนิด Sulfur-Reducing Bacteria (SRB) จะเปลี่ยนซัลเฟตให้เป็นไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งมีกลิ่นคล้ายไข่เน่า จริง ๆ แล้ว
ไฮโดรเจนซัลไฟด์ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายแต่อย่างใด แต่ทั้งรสและกลิ่นนั้นทำให้เกิดความรำคาญ เครื่องทำน้ำร้อนก็เป็นแหล่ง
ไฮโดรเจนซัลไฟด์ด้วยเช่นกัน แท่งแมกนีเซียมถูกนำมาใช้ในเครื่องทำความร้อนเพื่อควบคุมการกัดกร่อน และสามารถลดการเกิด
ไฮโดรเจนซัลไฟด์ได้อีกด้วย แหล่งของก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์แหล่งอื่น ๆ ได้แก่ ขยะ(sewage pollution) โดยกลิ่นจะชัดเจน
และรุนแรงมากขึ้นถ้าถูกรดน้ำ และถ้ามีซัลเฟตปนเปื้อนในน้ำมากกว่า 250 ppm เมื่อบริโภคเข้าไปจะส่งผลให้ท้องเสียได้
คลอไรด์ในน้ำ
คลอไรด์ในน้ำจะอยู่ในรูป C l- ซึ่งเป็นสารอนินทรีย์ที่พบมาก ถ้ามีคลอไรด์ในน้ำ 250 ppm จะทำให้น้ำเริ่มมีรสเค็ม บริเวณชายหาดจะพบคลอไรด์
ในบ่อที่มีน้ำชะดินจากแหล่งน้ำกร่อยเข้ามา คลอไรด์ปะปนมาในน้ำประปาโดยเครื่องกรองน้ำ (water softener units) ถ้าคลอไรด์มีปริมาณมากอาจ
เป็นอันตรายต่อท่อส่งน้ำ(ที่ทำจากโลหะ)ได้ และทำให้พืชน้ำเจริญ และในทางการแพทย์ได้กำหนดว่าโภชนาการที่ดีนั้นจะต้องมีปริมาณเกลือ
โซเดียมคลอไรด์ต่ำ
แก้ไขข้อคิดเห็น
ป้อนรหัสผ่านของคุณเพื่อแก้ไขโพสต์
ลบความคิดเห็นลบโพสต์
ป้อนรหัสผ่านเพื่อลบโพสต์